วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แมงจุ่งจี้ ถึงบ่าขี้เบ้า

............“แมงจุ่งจี้”....... คุณรู้จักไอ้แมลงตัวน้อยนี้ไหม หากคุณเติบโตมาจากชนบทของภาคเหนือ ดิฉันว่าคุณต้องรู้จักมันเป็นอย่างดีแน่ ๆ ความจริงแล้ว “แมงจุ่งจี้” มีหลายประเภทนะคะ หลายสปีชี่ก็ว่าได้ แมลงชนิดไหนก็ตามที่ ชอนไช หลบซ่อน หรือหาอาหารอยู่ในกองขี้ควาย จะเรียกว่า จุ่งจี้ทั้งนั้น และในจำนวนนั้น มีหลายชนิดที่สามารถนำมาบริโภคได้ เอ๊อะ... เอ้า..นี่เรื่องจริงนะคะ มันเป็นวัฒนธรรมการกินของคนเมืองเน้อเจ้า...เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครทราบได้ แต่ที่แน่ ๆ คือยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่มากมายนักก็ตาม เพราะในปัจจุบันการทำเกษตรกรรมต่าง ๆ มักใช้เครื่องจักรแทน ควาย นอกจากควายจะหายไปจากท้องทุ่งแล้ว ยังมีอีกชีวิตหนึ่งที่เริ่มจะสูญหายไปจากความทรงจำของผู้คน นั่นคือ “บ่าขี้เบ้า” คำว่า “บ่าขี้เบ้า” เป็นคำพื้นบ้านของเกษตรกรภาคเหนือที่ใช้เรียก รังของตัวอ่อนแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง “แมงจุ่งจี้” นั่นเอง ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนกลมขนาดประมาณลูกเทนนิส ส่วนตัวแมลงพ่อแม่เรียกว่า “แมงจุ่งจี้ซั่ว” หากเราจับจะส่งเสียงร้องดังซั่ว ๆ ซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อนี้ก็ได้
“บ่าขี้เบ้า” เป็นตัวอ่อนระยะตัวหนอนของด้วงปีกแข็ง หรือ “แมงจุ่งจี้” ที่อาศัยหากินตาม กองขี้ควาย ชาวบ้านเรียกว่า จุ่งจี้ขี้ควาย หรือจุ่งจี้ซั่ว ตัวอ่อนของด้วงปีกแข็งนี้จะเกิดจากไข่ที่แม่ด้วงไข่ไว้ โดยที่แม่ด้วงจะขุดขี้ควายสดออกมาเป็นก้อนกลมๆ วางไข่ไว้ในก้อนขี้ควายแล้วกลิ้งไปยังหลุมที่จะเอาไข่ฝังไว้ ขณะที่กลิ้งไปดินก็ จะพอกขี้ควายหนาขึ้นเป็นก้อนกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ – ๓.๕ นิ้ว ในโพรง ที่ฝังไข่หรือก้อน บ่าขี้เบ้าโพรงหนึ่ง ๆ จะมีบ่าขี้เบ้าประมาณ ๒๐ – ๓๐ ลูก ลักษณะของหน้าดินที่มีไข่ด้วง จะเป็นขุยดิน พูนพองคล้ายหลังเต่า เอามือทุบดังปุ ๆ กลวง ๆ เมื่อขุดลงไปจะพบว่ามีโพรง ชาวบ้าน เรียกว่าเป็นโพ้งและจะมีบ่าขี้เบ้าก้อนกลมกองปนอยู่กับขุยดินภายในหลุม เมื่อนำมาผ่าดูภายในจะมี ตัวอ่อนด้วงระยะที่เป็นตัวหนอนมีสีขาวขดอยู่ภายใน โดยที่ตัวอ่อนนี้จะกินขี้ควายเป็นอาหารจนหมด ก็จะเป็นดักแด้ฟักตัวรอให้ฝนตกก็จะเจาะเปลือกขี้เบ้าบินออกมาหากินภายนอกแล้วสืบพันธุ์กลิ้ง ขี้ควายวางไข่ต่อไปอีกเป็นวัฏจักร
เรามักพบบ่าขี้เบ้าตามบริเวณใต้ต้นไม้ชายทุ่งที่ใกล้ ๆ กับคอกวัวคอกควาย ช่วงเวลาที่นิยมขุดบ่าขี้เบ้าก็คือ ช่วงต้นฤดูร้อนที่มีฝนตกบ้าง และผักชะอมจะเริ่มแตกยอดอ่อน ชาวบ้านก็จะหาขุยบ่าขี้เบ้า เพื่อขุดเอาตัวอ่อนมาแกงใส่ยอดผักชะอมกินกัน ซึ่งบ่าขี้เบ้านี้เป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูงชนิดหนึ่ง เป็นไงคะ...นึกอยากเห็นและอยากลองชิมดูบ้างหรือยัง.....นี่ไงคะ จุงจี้และบ่าขี้เบ้า
............ในปัจจุบันบ่าขี้เบ้าหากินยากเพราะการเลี้ยงควายลดลง ด้วงได้รับพิษจากยาฆ่าแมลงล้มตายไปมาก สิ่งเหล่านี้ก็คงเป็นเพียงความทรงจำในอดีต ซึ่งชีวิตของเกษตรกรไทยในอดีตมีความผูกพันอยู่กับท้องนาท้องไร่โดยมีไอ้ทุยเป็นเพื่อนยาก ภาพในอดีตของชาวนาไทยที่จูงควายเดินอยู่ตามท้องไร่ท้องนายังคงติดตา ตรึงใจของคนไทยชนบทอยู่อย่างภาคภูมิใจไม่รู้ลืม…..ครับ
............ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากกลุ่มวิจัยและพัฒนากระบือ กองบำรุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์..........

โดย อรัญญา ฟูคำ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น