อันขาวหรือใส คือวรรณะชาติดั้งเดิมของโป่งข่าม อันแดง อันเขียว คือปวกแดง ปวกเขียว ย่อมมีอยู่ในแก้วโป่งข่ามได้ รัศมีในย่อมเกิดขึ้นได้สามสถาน โดยลำดับคุณค่าแก้วรัศมีในดังนี้
รัศมีในโดยประกายแก้วเข้าแก้วหมู่ หรือเง่าแก้วอันงดงาม รัศมีอันมีประกายรุ้ง 7 สี ทั้งประกายอันระยิบระยับ ทอแสงอยู่ในแก้ว จัดเป็นสิ่งมีค่าหาได้ยาก
"รัศมีใน" ในแก้วโป่งข่ามประเภทนี้ นับเป็นรัศมีในอันมีค่าสูงสุดของบ่อแก้วโป่งข่าม
รัศมีในอันเกิดจากไรแก้ว อันประดิษฐ์อยู่ตามกาบกิ่ง และใบปวกต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีค่าและหาได้ยากไม่น้อย
โดยเฉพาะไรแก้วที่ประดับดังกล่าว เสมือนหนึ่งน้ำค้าง หรือน้ำทิพย์ที่ชะโลมใบมณีพฤกษ์ สายลมเฉื่อยแผ่ว แล้วความเย็นถึงจุดน้ำแข็งก็เข้าแทนที่โดยฉับพลัน เหมือนน้ำค้างปลายกิ่งกัลปพฤกษ์ กลายเป็นน้ำแข็งในท่าสบัดนิ่งอยู่
รัศมีในแบบนี้ ไม่สามารถที่จะพบได้ในก้อนเพชร ก้อนพลอย นอกจากในแก้วโป่งข่ามเท่านั้น
รัศมีในโดยประกายแก้ว ที่ปรากฏลวดลายขึ้นโดยธรรมชาติ
ลักษณะดังกล่าวนี้ เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "รุ้งเจ็ดสี" ด้วยตำแหน่งลวดลายอันสลักเสลาขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นความงามเหนือน้ำมือมนุษย์อันธรรมชาติสร้างให้ เป็นสิ่งที่คนไม่อาจทำได้
คุณค่าความสวยงามและความหมาย ย่อมขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์นั้นได้สลักไว้ประณีตเพียงใด
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : www.pongkaam.com
โดย สุภาภรณ์ เรือนหล้า นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น