วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ตำนานการก่อเจดีย์ทราย

ประวัติของการก่อเจดีย์ทรายมีเรื่องเล่ามาว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมบริวาร ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิดจิตศรัทธาก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘ หมื่น ๔ พันองค์ แล้วอุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง ๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้ ส่วนในอีกตำนานหนึ่งซึ่งอยู่ในคำภีร์ใบลานชื่อ " ธรรมอานิสงส์เจดีย์ทราย "ได้กล่าวไว้ว่า ในครั้งที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นชายเข็ญใจชื่อว่า "ติสสะ" มีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งติสสะได้พบลำธารที่มีหาดทรายสะอาดงดงามนัก จึงได้ทำการก่อทรายเป็นรูปเจดีย์และเพื่อให้เจดีย์นั้นสวยงามจึงฉีกเสื้อผูกกับเรียวไม้แล้วปักไว้บนยอดกองทรายเป็นรูปธงสัญลักษณ์ แล้วตั้งสัตย์อธิษฐานขอให้ได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง เมื่อเขาเวียนว่ายในวัฏฏะสงสารได้บำเพ็ญบารมีเต็มที่แล้ว ก็ได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าชื่อสมณะโคดมองค์ปัจจุบัน ภาพของธงที่ทำจากเสื้อของติสสะ ทำให้ชาวล้านนานิยมนำตุงไปปักเจดีย์ทราย ซึ่งตุงที่พบเห็นมักเป็นตุงที่มีลักษณะเป็นพู่ระย้าที่เรียก "ตุงไส้หมู" หรือตุงที่มีรูปสัตว์นักษัตรที่เรียกว่า "ตุงตั๋วเปิ้ง" ตุงดังกล่าวมักแขวนติดกิ่งไม้ไผ่หรือก้านเขือง (เต่าร้าง) ในเช้าของวันพญาวันคือวันเถลิงศกชาวบ้านจะนำตุงไปปักที่เจดีย์ทราย พอถึงตอนสายจะมีการถวายองค์พระเจดีย์ทรายแด่พระสงฆ์ ซึ่งชาวบ้านจะมาร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียง ด้วยหวังอานิสงส์เป็นหลักซึ่งนอกเหนือจากคัมภีร์ที่กล่าวมา ยังมีคัมภีร์แสดงอานิสงส์โดยตรงที่ชื่อ "ธรรมอานิสงส์ก่อเจดีย์ทราย" อีกฉบับหนึ่ง โดยเนื้อหาจะกล่าวถึงผลบุญมากมาย เช่น จะได้เกิดในตระกูลอันประเสริฐ เลอเลิศด้วยรูปสมบัติ เรืองจรัสในชีวิต ไม่ตกติดในนรก ยกระดับไปเกิดบนสวรรค์ จนถึงขั้นได้เกิดเป็นพระอินทร์
บุคคลใดได้ก่อเจดีย์ทรายถวายเป็นทาน ก็มีอานิสงส์มาก ย่อมได้รับสุข ๓ ประการ สุดท้ายก็จะได้พบพระนิพพานฯ บุคคลใดได้ก่อเจดีย์ทรายถวาย ตายไปแล้วย่อมไปเกิดในตระกูลพราหมณ์ และตระกูลกษัตริย์ ประกอบด้วยทรัพย์สมบัติมาก ย่อมได้ไปเกิดในชมพูทวีป บุคคลทั้งหลายนั้นย่อมมีรูปอันงดงาม เมื่อไปเกิดในที่ใด ก็ย่อมเป็นที่รักใคร่ยินดีแก่คน และเทวดาทั้งหลาย ย่อมไม่ไปเกิดในที่ร้าย คือนรกเป็นต้น บุคคลใดได้ประดับช่อธง ฉัตรบูชาเจดีย์ทราย ก็จะได้ไปเกิดเป็นท้าวพญา ประกอบด้วยแก้วทั้ง ๗ ก็ด้วยการสักการบูชาเจดีย์ทราย บุคคลใดได้ก่อเจดีย์ทราย ย่อมมีข้าหญิงชายมาแวดล้อมเป็นบริวาร พ้นจากทุกข์ทุกประการ ได้อยู่ในปราสาทอันงาม มีจาตุรงคเสนามาก ก็ด้วยอานิสงส์ก่อเจดีย์ทราย บุคคลทั้งหลายทั้งชายหญิงย่อมมีวัวควาย ผ้าผ่อน ผ้าแพร เครื่องบริโภคต่าง ๆ ไปในที่ใดคนและเทวดาก็เคารพบูชา บุคคลทั้งหลายนั้นย่อมไปเกิดในสวรรค์ดาวดึงส์ เป็นจอมเทพได้ ๓๔ ครั้ง เป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ ๓๔ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิในทวีปทั้ง ๔ มีเมืองใหญ่เมืองน้อยเป็นบริวารอันประมาณไม่ได้ เสวยราชสมบัติมาก ก็ด้วยอานิสงส์ก่อเจดีย์ทรายถวายแท้แน่นอน
อรัญญา ฟูคำ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ
ที่มา : http://www.109wat.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น