วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตำรายา ภูมิปัญญาชาวบ้าน……ประโยชน์ดอกกระเจี๊ยบ




กระเจี๊ยบเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงราว 3 – 6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบ ขอบใบเรียบ บางครั้งมีหยักเว้า 3 หยัก ดอกสีชมพู ตรงกลางมีสีเข้มกว่าส่วนนอกของกลีบ เมื่อกลีบดอกร่วงโรยไปกลีบรองดอก และกลีบเลี้ยงจะเจริญขึ้น มีสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดไว้ภายใน การปลูก ใช้เมล็ดปลูก เริ่มปลูกในช่วงปลายฤดูฝน ปลูกโดยการไถพรวนดินก่อน ขุดหลุมและปลูกหลุมละ 2 - 3 เมล็ด ระยะห่าง 0.5 - 1 เมตร เมื่อต้นอ่อนงอกแล้วให้ถอนออกเหลือหลุมละ 1 - 2 ต้น สนใจดูแลน้ำและกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ 1 เดือนแรกของการปลูก กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมให้ประชาชนปลูก มีตลาดทั้งในประเทศและนอกประเทศ เช่นประเทศเยอรมัน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ส่วนที่ใช้เป็นยา กลีบเลี้ยงและกลีบรองดอก ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเวลาที่เก็บเกี่ยวใช้เวลา 4 เดือน
รสและสรรพคุณยาไทย
กลีบรองดอก กลีบเลี้ยงและใบ มีรสเปรี้ยว ใช้เป็นยากัดเสมหะ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงมีสารชื่อ แอนโธไซยานิน ( Anthocyanin ) จึงทำให้มีสีม่วง และ ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายชนิด ในปี พ.ศ. 2522 - 2524 นพ. วีรสิงห์ เมืองมั่นและคณะ คณะแพทย์รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลได้ศึกษาสรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง โดยการใช้ผงกระเจี๊ยบที่ทำมาจากกลีบรองดอก และกลีบเลี้ยงตากแห้งบดเป็นผงขนาด 3 กรัมชงในน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ( 300 ซีซี ) ดื่มวันละ 3 ครั้งนาน 7 วันถึง 1 ปีรักษาผู้ป่วยโรคนิ่ว และการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ 73 คน พบว่าทำให้ปัสสาวะเป็นกรด ใสและถ่ายสะดวกขึ้นมาก และยังช่วยลดการอักเสบหลังผ่าตัดนิ่วด้วย เห็นได้ว่ากระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะได้ดี
วิธีใช้
ใช้เป็นยารักษาอาการขัดเบา โดยนำเอากลีบเลี้ยงและกลีบรองดอกสีม่วงแดง ตากแดดและบดเป็นผงใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา ( 3 กรัม ) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย 250 ซีซี ดื่มเฉพาะน้ำสีแดงใส ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาจะหาย คุณค่าด้านอาหาร กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบแดง รสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำเติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ และยังนำมาทำขนมเยลลี่ แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี ใบอ่อนของกระเจี๊ยบแดงใช้เป็นผักได้ หรือใช้แกงส้มได้รสเปรี้ยวกำลังดี กระเจี๊ยบเปรี้ยวมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า " ส้มพอเหมาะ " ในใบมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีสารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

โดยอาริยา ยิ้มแก้ว นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น