น้ำปู๋ เป็นอาหารที่ชาวชนบทล้านนานิยมรับประทาน เป็นอาหารที่ทุกคนรู้จัก อร่อยถูกปากถูกใจ เป็น
สิ่งจำเป็นในครัวพอ ๆ กับปลาร้าในไหของคนอีสานเลยแหละ กรรมวิธีผลิตน้ำปู๋ ก็จะเริ่มต้นที่ไปเก็บปูนาตอนเที่ยง ๆ เพราะช่วงนั้น แสงแดดจะส่องทำให้น้ำในนาร้อน บรรดาปูนาก็จะหลบมาอาศัยตามคันนา ได้โอกาสเราก็เก็บใส่ข้องไว้ทำน้ำปู๋อาหารอร่อย ของครอบครัว จากนั้นก็นี่เลย
๑ . แช่ปูนาในน้ำประมาณ ๑- ๒ ชั่วโมง เพื่อให้ดินโคลนหลุด และนำมาล้างให้สะอาด
๒. นำปูนาตำในครกให้ละเอียด ใส่เครื่องปรุงรส ได้แก่ ใบตะไคร้ ใบขมิ้น ตำให้เข้ากันเพื่อดับกลิ่นคาว
๓. นำปูที่ตำแล้วมาคั้นน้ำ ใช้กระชอนหรือผ้าขาวบางกรอง โดยการคั้นเอาน้ำหัวและน้ำหาง น้ำปูที่คั้นได้เรียกว่า น้ำปู๋ดิบ
๔. นำน้ำปู๋ดิบใส่ในหม้อดิน ใช้ใบตองตึง (ต้นตองตึง เป็นไม้ป่ายืนต้นใบลักษณะคล้ายต้นสัก แต่ใบตองตึงไม่มีขน ใบที่ยังไม่แก่คนในภาคเหนือ นิยมเก็บมาห่อของเช่นห่อข้าวห่อของจิปาถะ) ปิดให้สนิทเพื่อไม่ให้แมลงเข้าไป หมักทิ้งไว้ ๑ คืน หลังจากนั้นน้ำปูที่หมักแล้วนำไปเคี่ยวโดยใช้ไฟปานกลาง ต่อมาจะใช้ไฟอ่อน ใส่เครื่องปรุงรสคือ เกลือ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ ๕-๖ ชั่วโมง จนน้ำปูเหนียวข้น จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ออม (กระปุก) ไว้กินนาน ๆ ตลอดทั้งปี เป็นการถนอมอาหารตามธรรมชาติที่ไม่ต้องใส่สารเคมี
เคล็ดลับการทำน้ำปู๋ ให้ใส่ใบมะกอกลงไปจะได้น้ำปู๋ที่มีสีดำสนิท หอมหวนชวนพามาเป็นชู้รักกับหน่อไม้ไร่ต้มเป็นอย่างยิ่ง ……….
ภาพประกอบ : จาก Internet
๔. นำน้ำปู๋ดิบใส่ในหม้อดิน ใช้ใบตองตึง (ต้นตองตึง เป็นไม้ป่ายืนต้นใบลักษณะคล้ายต้นสัก แต่ใบตองตึงไม่มีขน ใบที่ยังไม่แก่คนในภาคเหนือ นิยมเก็บมาห่อของเช่นห่อข้าวห่อของจิปาถะ) ปิดให้สนิทเพื่อไม่ให้แมลงเข้าไป หมักทิ้งไว้ ๑ คืน หลังจากนั้นน้ำปูที่หมักแล้วนำไปเคี่ยวโดยใช้ไฟปานกลาง ต่อมาจะใช้ไฟอ่อน ใส่เครื่องปรุงรสคือ เกลือ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ ๕-๖ ชั่วโมง จนน้ำปูเหนียวข้น จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ออม (กระปุก) ไว้กินนาน ๆ ตลอดทั้งปี เป็นการถนอมอาหารตามธรรมชาติที่ไม่ต้องใส่สารเคมี
เคล็ดลับการทำน้ำปู๋ ให้ใส่ใบมะกอกลงไปจะได้น้ำปู๋ที่มีสีดำสนิท หอมหวนชวนพามาเป็นชู้รักกับหน่อไม้ไร่ต้มเป็นอย่างยิ่ง ……….
ภาพประกอบ : จาก Internet
โดย.....อรัญญา ฟูคำ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น