วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สูตรสมุนไพรรักษาฝ้า

"ฝ้า" ถือได้ว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เกิดจากการผิดปกติของเม็ดสีใต้ผิว เลือดลม แสงแดด ความร้อน เครื่องสำอางค์ การขาดสารอาหาร ความเครียด ฮอร์โมนผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด พบในหญิงมากกว่าชายในวัย 30 - 40 ปีเป็นต้นไป
ลักษณะของฝ้าจะเห็นเป็นปื้นสีดำ หรือน้ำตาล ที่เกิดบนผิวหนัง อาจพบบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือคิ้ว และเหนือริมฝีปาก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า
""""""""แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดฝ้า ทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น หรือทำให้ฝ้าเข้มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น. - ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น ในระหว่างการตั้งครรภ์ ในวัยหมดประจำเดือน และการรับประทานยา คุมกำเนิด - พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า เนื่องจากพบฝ้าได้บ่อยในชาวเอเชียมากกว่าชาวตะวันตก อย่างไรก็ตาม อาจเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมหรือแสงแดดก็เป็นได้ - ยา พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักบางประเภท จะมีผื่นดำคล้ายฝ้าขึ้นบริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า - เครื่องสำอาง การแพ้น้ำหอมหรือสีในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้าได้
การป้องกันการเกิดฝ้า
""""""""ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ สวมหมวกหรือกางร่ม และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกแดด หากฝ้าเกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น โดยปกติแล้วหากหยุดยาคุมกำเนิด ฝ้าก็จะค่อยๆ จางหายไป เช่นเดียวกับฝ้าที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ก็จะค่อยๆ จางหายไปหลังคลอด
""""""""การรักษาฝ้าบางคนคิดว่าการใช้ครีมทาฝ้าเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในช่วงแรกฝ้าจะดูจางลง ผิวหน้าจะดูใสขึ้น แต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะโดนแดดไม่ได้ ผิวจะเห่อ ไหม้ กลายเป็นฝ้าหนากว่าเดิม เนื่องจากสารที่เคมีที่เป็นส่วนผสมทำปฏิกิริยาต่อผิว และอาจเป็นอันตรายได้เราจึงมีวิธีรักษาฝ้าโดยใช้สมุนไพรใกล้ตัวมาแนะนำกัน เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเป็นฝ้าหรือไม่อยากใช้สารเคมี
สูตรข้าวโอ๊ต+เมล็ดมะม่วงหิมพานต์
ผสมข้าวโอ๊ตบด เมล็ดมะม่วงหิมพานต์บด และน้ำอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ใช้ทาผิวหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก ทำเป็นประจำฝ้าจะจางหายไป
แครอท สลายฝ้า..
สรรพคุณเก๋ๆ ของแครอทที่มากไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน จนคุณสาวๆ อาจจะอดใจไม่ไหว ต้องไปแย่งน้องกระต่ายมากินกันเลยก็เป็นได้ เพราะว่าการกินแครอทวันละ 2 -3 หัว จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยทำให้ฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้าจางลงไปได้เอง ไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก..
สูตรว่านลอกฝ้า
ว่านมีสรรพคุณช่วยลอกฝ้า ลบรอยจุดด่างดำบนใบหน้าและช่วยรักษาสิว
ส่วนผสม วุ้นของว่านหางจระเข้ 300 กรัม
วิธีทำ การนำเอาว่านหางจระเข้มาใช้นั้นคุณควรนำมาจากต้นที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ให้ตัดใบของว่านหางจระเข้ออกมา 1 ใบ โดยเลือกเอาใบที่อยู่ด้านล่างสุดเพราะจะมีขนาดใหญ่และมีปริมาณวุ่นอยู่มาก จากนั้นนำมาล้างให้สะอาดแล้วใช้มีดเฉือนบริเวณที่โคนใบของว่านโดยกะให้ใช้พอใน 1 ครั้ง ใช้พลาสติกหรือกระดาษทิชชูแปะตรงรอยที่เฉือนออกมาจากนั้นจึงลอกผิวใบที่หุ้มวุ้นไปใส่ในเครื่องปั่น ปั่นให้เหลวจนเป็นเจล หรือคุณอาจใช้มือขยำเอาก็ได้เหมือนกัน นำวุ้นที่ปั่นได้มาใส่ถ้วย ต่อจากนั้นคุณก็ทำการล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้ากับน้ำอุ่น หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าของคุณ เช็ดหน้าให้แห้ง
""""""""คลุมผมให้มิดชิดแล้วน้ำที่ได้มาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นบริเวณรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เมื่อครบกำหนดเวลาให้คุณล้างออกด้วยสบู่กับน้ำวุ้นควรทำเช่นนี้ติดต่อกันอย่างน้อย 3 วันต่อ 1 ครั้ง
""""""""ในบางรายอาจมีอาการแพ้วุ้นของว่านหางจระเข้คุณจึงควรทำการทดสอบดูก่อน โดยนำเอาวุ้นมาทาบริเวณท้องแขนทิ้งไว้ประมาณ 1 ช.ม. ถ้าไม่มีอาการใดๆ แสดงว่าคุณใช้สูตรนี้ได้อย่างปลอดภัย
สูตรหน้าใสไร้ฝ้า...
* เอาหัวผักกาดหั่นเป็นแว่นบาง ๆ ทาถูบริเวณที่เป็นฝ้าให้ทั่วทาทิ้งไว้ครั้งละประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกให้หมดด้วยน้ำสะอาดทำเช้าและเย็น ฝ้าจะจางและหายไปภายใน 10 วัน
* ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าตอนเช้าและก่อนนอนทุกวันทาหน้าทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออกประมาณ 5 นาที เพราะน้ำเมือกจะแห้งไปเอง ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญ
* ฝานแตงกวาเป็นแว่นบาง ๆ แล้วปิดแปะลงบนใบหน้าหรือจะใช้ถูให้ทั่วใบหน้าก็ได้ ทิ้งไว้พอแห้งก็ล้างออก ทำก่อนนอนนอกจากจะใช้รักษาฝ้าแล้วยังช่วยรักษาสิวได้ดีอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.samoonprithai.com , women.thaiza.com
โดย หัทยา ตันป่าเหียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น